วันเสาร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2554

Verb to be

verb to be ได้แก่คำว่า is, am, are, was, were แปลว่า"เป็น, อยู่, คือ"
be เป็นรูปเดิมเมื่อกระจายรูปจะได้เป็น   is,am,are เปลี่ยนเป็นช่องที่สองคือ was were และเปลี่ยนเป็นช่องที่สามคือ been



                      ใช้กับ Present tense (ปัจจุบันกาล)
                            is ใช้กับประธานเอกพจน์
                           am ใช้กับประธานคำว่า I
                           are ใช้กับประธานพหูจน์


                     ใช้กับ Past tense (อดีตกาล)
                       was ใช้กับประธานเอกพจน์
                       wereใช้กับประธานพหูพจน์



Verb to be มีหลักการใช้ ดังนี้ 
ถ้าเป็นกริยาสำคัญในประโยค มีความหมายว่า เป็น อยู่ คือ
•  ใช้วางข้างหน้า กลุ่มคำ adjective (คำคุณศัพท์)
•  ใช้เป็นกริยาช่วยในโครงสร้างของประโยค Continuous (ประโยคที่มี กริยา ing)
•  ใช้เป็นกริยาช่วยในโครงสร้างของประโยค Passive Voice (ประโยคที่ประธานเป็นผู้ถูกกระทำ)

หลักการใช้กับประธานในประโยค
1. ถ้าประธานที่เป็นเอกพจน์บุรุษที่ 3 ซึ่งได้แก่ He She It หรือ ชื่อคนคนเดียว สัตว์ตัวเดียว และสิ่งของอันเดียวที่ถูกกล่าวถึง
     Verb to be ที่ใช้คือ is เช่น
* He is a singer. *Ying is a teacher                   
* She is in the room. *My fathers sleeping.
* It is a dog. *The pencil is on the table




2. ถ้าประธานเป็นเอกพจน์บุรุษที่ 1 ( ผู้พูดคนเดียว ) ซึ่งได้แก่ I  Verb to be ที่ใช้ คือ am
* I am a student.   I am under the table.
3. ประธานเป็นพหูพจน์ทุกบุรุษ ซึ่งได้แก่ We You They หรือ ชื่อคนหลาย สัตว์หลายตัว และสิ่งของหลายอันที่ถูกกล่าวถึง Verb to be ที่ใช้ คือ are เช่น
*  We are nurses. *My father and I are in the room.
*  They are policemen. *Suda and her friends are under the tree.
*  You are very good. *The players are in the playground.

การสร้างประโยคที่มี Verb to be ให้เป็นประโยคปฏิเสธ . มีวิธีการดังนี้
เติม not ลงไปในตำแหน่งที่เรียงต่อจาก Verb to be หลัง is, am, are  เช่น
* He is not in the room. *I am not a child.
* They are not teachers. *Suda is not reading.
หมายเหตรูปย่อของ ปฏิเสธ Verb to be คือ is not ย่อเป็น isn't
       am not จะไม่ใช้รูปย่อ are not ย่อเป็น aren't
การทำประโยคที่มี Verb to be ให้เป็นประโยคคำถาม Yes No Question มีหลักการดังนี้
เอา Verb to be มาวางหน้าประโยค และเอาประธานของประโยคมาวาง เรียงต่อจาก Verb to be หลังจบประโยค ต้องใส่เครื่องหมายคำถาม เช่น He is in the room. เปลี่ยนเป็น Is he in the room ?
They are soldiers เปลี่ยนเป็น Are they soldiers?
I am a boy. เปลี่ยนเป็น Am I a boy ? 
Exercise



Resource


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น